ริดสีดวงทวารเป็นโรคที่พบได้บ่อยในคนทุกเพศทุกวัย โรูปดยเฉพาะผู้ที่มีพฤติกรรมนั่งนาน เบ่งถ่ายแรง หรือท้องผูกบ่อย ซึ่งทำให้เส้นเลือดดำบริเวณทวารหนักเกิดการโป่งพอง บางครั้งอาจมีเลือดออกหรือก้อนยื่นออกมา บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักโรคนี้แบบละเอียดแต่เข้าใจง่าย พร้อมภาพจริงของริดสีดวงเพื่อให้เข้าใจชัดเจนถึงลักษณะ อาการ สาเหตุ แนวทางการรักษา และการดูแลตัวเองอย่างถูรูปกวิธี โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นคำอธิบายที่ซับซ้อน เพราะเราเขียนให้ทุกคนอ่านได้ง่าย สบายๆ และนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง

ริดสีดวงคืออะไร? (พร้อมรูปภรูปาพริดสีดวงจริง)รูป

ริดสีดวงเป็นภาวะที่หลอดเลือดดำบริเวณทวารหนักขยายตัวออกมาเกินปกติ จนกลายเป็นก้อนบวมที่อาจเห็นได้จากภายนอกหรือเกิดอยู่ภายใน ซึ่งเราเรียกว่าริดสีดวงภายนอกและภายในตามลำดับ โดยภาพของริดสีดวงจริงที่มักแชร์กันในวงการแพทย์จะแสดงให้เห็นถึงติ่งเนื้อหรือก้อนนูนๆ สีแดงคล้ำ หรือม่วง ที่บางครั้งมีเลือดซึมออกมา ซึ่งการเห็นภาพจริงช่วยให้ผู้ป่วยตระหนักถึงความสำคัญในการรักษาได้เร็วขึ้น โดยทั่วไปโรคนี้แบ่งออกเป็น 4 ระยะ เริ่มจากไม่มีอาการมากไปจนถึงมีติ่งเนื้อโผล่ถาวร หากรู้ตัวเร็วและดูแลอย่างถูกวิธีก็สามารถรักษาให้หายได้โดยไม่ต้องผ่าตัดเสมอไป

อาการของริดสีดวงที่ควรสังเกต

อาการริดสีดวงจะแตกต่างกันตามระยะของโรค โดยอาการที่พบบ่อยคือถ่ายเป็นเลือดสด ปวดหรือแสบเวลาถ่าย รู้สึกคันบริเวณทวาร และบางครั้งมีก้อนนูนๆ โผล่ออกมาเมื่อเบ่งถ่าย หากเป็นริดสีดวงภายใน อาการอาจไม่ชัดเจนในระยะแรก แต่เมื่อเริ่มมีเลือดหรือติ่งเนื้อโผล่ออกมาจะรู้ได้ทันที ส่วนริดสีดวงภายนอกนั้นจะมีก้อนเนื้อที่สัมผัสได้ด้วยมือ รู้สึกเจ็บเวลานั่ง หรืออาจมีอาการบวมรอบรูทวาร อาการเหล่านี้ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นาน เพราะนอกจากจะรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว ยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือลุกลามจนต้องรักษาด้วยการผ่าตัด

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของการเกิดริดสีดวง

ริดสีดวงเกิดขึ้นจากแรงดันในเส้นเลือดดำที่สูงเกินไปบริเวณทวารหนัก ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเบ่งถ่ายอุจจาระบ่อย การท้องผูกเรื้อรัง การนั่งหรือลุกลำบาก พฤติกรรมขาดการขยับร่างกาย การตั้งครรภ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและแรงกดทับในช่องท้อง หรือแม้แต่การรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์น้อยก็มีผลอย่างมาก โดยเฉพาะในคนทำงานออฟฟิศที่นั่งนานๆ และดื่มน้ำน้อย ความเสี่ยงยิ่งเพิ่มขึ้น และยังมีปัจจัยทางพันธุกรรมที่มีผลเช่นกัน ถ้าคนในครอบครัวมีประวัติเป็นริดสีดวงก็มีโอกาสเป็นมากกว่าคนทั่วไป

วิธีรักษาริดสีดวง: ทางเลือกและแนวทาง

การรักษาริดสีดวงขึ้นอยู่กับระยะของโรค หากยังไม่รุนแรงสามารถดูแลตัวเองที่บ้านได้ เช่น การแช่น้ำอุ่นวันละ 15–20 นาที การกินอาหารที่มีไฟเบอร์สูง ดื่มน้ำมากขึ้น หรือใช้ยาทาริดสีดวงเฉพาะที่ซึ่งหาซื้อได้ทั่วไป หากอาการไม่ดีขึ้นหรือรุนแรง เช่น มีเลือดออกมาก ก้อนริดสีดวงไม่ยุบ หรือมีอาการปวดมาก อาจต้องใช้วิธีทางการแพทย์ เช่น การใช้ยารับประทาน การฉีดยาให้เส้นเลือดฝ่อ การผูกยาง หรือการผ่าตัดซึ่งเป็นทางเลือกสุดท้าย วิธีใหม่ๆ เช่น เลเซอร์หรือการรักษาแบบไร้แผลก็เริ่มนิยมมากขึ้นเพราะเจ็บน้อยและฟื้นตัวเร็ว jhcis

บทสรุป

ริดสีดวงแม้จะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ก็สามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตได้มาก หากปล่อยไว้นานโดยไม่รักษา การรู้เท่าทันอาการ สาเหตุ และแนวทางป้องกันตั้งแต่ต้นจึงสำคัญมาก การปรับพฤติกรรมเล็กๆ เช่น ดื่มน้ำให้เพียงพอ ขยับร่างกาย หลีกเลี่ยงการเบ่งถ่ายแรง และกินผักผลไม้ให้มากขึ้น เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการลดความเสี่ยง และถ้าคุณเริ่มมีอาการหรือไม่แน่ใจว่าก้อนเนื้อที่เห็นนั้นใช่ริดสีดวงหรือไม่ การปรึกษาแพทย์พร้อมดูรูปภาพริดสีดวงจริงควบคู่กันไป จะช่วยให้วินิจฉัยได้แม่นยำและรักษาได้อย่างเหมาะสม

คำถามที่พบบ่อย

Q: ริดสีดวงสามารถหายเองได้หรือไม่?
A: ในบางกรณี โดยเฉพาะระยะแรกสามารถยุบได้เองหากปรับพฤติกรรมอย่างเหมาะสม

Q: ริดสีดวงอันตรายไหม?
A: โดยทั่วไปไม่อันตราย แต่ถ้าปล่อยไว้นานอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหรือจำเป็นต้องผ่าตัด

Q: เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์?
A: หากมีเลือดออกมาก เจ็บรุนแรง หรือก้อนริดสีดวงไม่ยุบ ควรพบแพทย์โดยเร็ว

Q: การผ่าตัดริดสีดวงเจ็บไหม?
A: ปัจจุบันมีวิธีผ่าตัดที่เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว และไม่ต้องนอนโรงพยาบาลนาน

Share.